ไม่ว่าจะต้องการเงินก้อนไปหมุนเวียนในธุรกิจ, ปิดหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยแพง, ต่อเติมบ้าน, หรือใช้เป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงิน 100,000 บาท ถือเป็นวงเงินขนาดกลางที่คนไทยค้นหามากที่สุด แต่เมื่อต้องการเงิน 1 แสนบาท เรามีทางเลือกไหนบ้าง? สินเชื่อ 1 แสน แบบไหนอนุมัติง่ายที่สุด? ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ และต้องเตรียมตัวอย่างไร? บทความนี้มีคำตอบครบทุกประเด็นครับ
สินเชื่อ 1 แสนบาท กู้ที่ไหนดี? สรุป 3 ช่องทางยอดนิยม และเงื่อนไขที่ต้องรู้
การขอสินเชื่อวงเงิน 100,000 บาทในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีจุดเด่น, อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขการอนุมัติที่แตกต่างกันไป การเลือกประเภทสินเชื่อที่ “เหมาะกับ” สถานะของเราที่สุด คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้กู้ผ่านครับ
เราสามารถสรุป 3 ประเภทสินเชื่อยอดนิยมสำหรับวงเงิน 1 แสนบาท ได้ดังนี้
1. สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan)
นี่คือตัวเลือกแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึง เป็นการกู้เงินแบบ “ไม่มีหลักประกัน” (Unsecured Loan) โดยสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติจาก “รายได้” และ “ประวัติเครดิต” ของเราเป็นหลัก
- เหมาะกับใคร: พนักงานประจำ, ข้าราชการ, หรือผู้ที่มีสลิปเงินเดือนชัดเจน และมีประวัติเครดิตบูโรที่ดี
- จุดเด่น:
- ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน (หากรายได้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด)
- ได้รับเงินเป็นก้อนโอนเข้าบัญชี
- วงเงินอนุมัติมักจะสูง (สูงสุด 5 เท่าของรายได้)
- ข้อควรพิจารณา:
- อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง (เป็นแบบลดต้นลดดอก สูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี)
- ต้องมีฐานเงินเดือนขั้นต่ำตามที่สถาบันการเงินกำหนด (เช่น 15,000 หรือ 20,000 บาทขึ้นไป)
- ตรวจสอบเครดิตบูโรอย่างเข้มงวด
2. สินเชื่อรถแลกเงิน (Car for Cash)
หรือที่เรียกว่า “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” นี่คือทางเลือกที่ “ง่ายกว่า” และ “ดอกเบี้ยดีกว่า” สำหรับคนที่มีรถยนต์ (ที่ผ่อนหมดแล้ว หรือบางกรณีที่ยังผ่อนอยู่ก็รีไฟแนนซ์ได้)
- เหมาะกับใคร: คนที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง (ปลอดภาระ) ไม่ว่าจะเป็นอาชีพพนักงานประจำ, ค้าขาย หรืออาชีพอิสระ
- จุดเด่น:
- อนุมัติง่ายกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล: เพราะมี “รถยนต์” เป็นหลักประกันความเสี่ยง
- อัตราดอกเบี้ยมักจะ “ต่ำกว่า” สินเชื่อส่วนบุคคลอย่างชัดเจน
- ยังมีรถขับเหมือนเดิม: เป็นการจำนำ “เล่มทะเบียน” ไม่ต้องจอดรถทิ้งไว้
- อาชีพอิสระ หรือไม่มีสลิปเงินเดือน ก็สามารถยื่นกู้ได้ง่ายกว่า
- ข้อควรพิจารณา:
- รถต้องเป็นชื่อของผู้กู้ และต้องปลอดภาระหนี้แล้ว (หรือต้องการรีไฟแนนซ์)
- วงเงิน 1 แสนบาท สามารถกู้ได้สบายสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ แม้จะเป็นรถที่อายุ 10-15 ปี
3. บัตรกดเงินสด (Cash Card)
เป็นสินเชื่อหมุนเวียนที่เน้นความ “รวดเร็ว” และ “คล่องตัว” สถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินไว้ให้ในบัตร เราสามารถกดเงินสดออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ (ภายในวงเงิน)
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเงินสำรองฉุกเฉิน ต้องการความไว หรืออาจจะใช้ไม่เต็มวงเงิน 1 แสนในทันที
- จุดเด่น:
- อนุมัติไวที่สุด: หากมีบัตรอยู่แล้ว สามารถกดเงิน 1 แสนบาทได้ทันที
- คล่องตัวสูง: จ่ายคืนขั้นต่ำได้ และเมื่อจ่ายคืน วงเงินก็จะกลับมาให้ใช้ใหม่
- ข้อควรพิจารณา:
- อัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด ในบรรดาสินเชื่อ 3 ประเภทนี้ (มักจะอยู่ที่ 25% ต่อปี)
- เหมาะสำหรับการกู้ยืม “ระยะสั้นมากๆ” เท่านั้น ไม่เหมาะกับการผ่อนระยะยาว เพราะดอกเบี้ยจะสูงมาก
ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะกู้ สินเชื่อ 1 แสน บาท (แบบส่วนบุคคล) ผ่าน?
นี่คือคำถามสำคัญครับ สถาบันการเงินจะประเมิน “ความสามารถในการชำระหนี้” (DSR – Debt Service Ratio) ของเรา
โดยทั่วไป คุณควรมี ฐานเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาทขึ้นไป แต่สิ่งที่สำคัญกว่าฐานเงินเดือน คือ “ภาระหนี้เดิม”
- กฎทั่วไป: สถาบันการเงินส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้คุณมีภาระผ่อน (หนี้เดิม + หนี้ใหม่) เกิน 50% – 70% ของรายได้
- ตัวอย่าง:
- คุณเงินเดือน 20,000 บาท ไม่มีหนี้เลย -> กู้ 1 แสนบาท (ผ่อนเดือนละ ~3,000) ผ่านง่าย
- คุณเงินเดือน 20,000 บาท แต่ผ่อนรถอยู่ 8,000 บาท -> ภาระหนี้เดิม 40% แล้ว -> ขอกู้ 1 แสน (ผ่อนเพิ่ม ~3,000) ภาระรวมเป็น 11,000 (55% ของรายได้) ยังพอมีลุ้น
- คุณเงินเดือน 20,000 บาท ผ่อนรถ 8,000 ผ่อนบัตร 5,000 -> ภาระเดิม 13,000 (65%) -> ขอกู้เพิ่มอีก โอกาสผ่านยากมาก
ตารางคำนวณ (โดยประมาณ) ผ่อน สินเชื่อ 1 แสน บาท ต่องวดเท่าไหร่?
เพื่อให้คุณวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น นี่คือตารางผ่อนชำระ “โดยประมาณ” สำหรับยอดกู้ 100,000 บาท โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
| ระยะเวลาผ่อน | ดอกเบี้ย 18% ต่อปี (รถแลกเงิน) | ดอกเบี้ย 25% ต่อปี (ส่วนบุคคล/บัตร) |
| 24 งวด (2 ปี) | ~4,992 บาท/เดือน | ~5,337 บาท/เดือน |
| 36 งวด (3 ปี) | ~3,615 บาท/เดือน | ~3,976 บาท/เดือน |
| 48 งวด (4 ปี) | ~2,937 บาท/เดือน | ~3,303 บาท/เดือน |
| 60 งวด (5 ปี) | ~2,539 บาท/เดือน | ~2,935 บาท/เดือน |
หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น ค่างวดจริงจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่แต่ละสถาบันการเงินอนุมัติให้คุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับสินเชื่อ 1 แสนบาท
Q1: ติดเครดิตบูโร (ติดแบล็กลิสต์) กู้ 1 แสนบาทได้ไหม?
A: “ยากมาก” ครับ สำหรับสถาบันการเงินในระบบ (ธนาคารและไฟแนนซ์ที่ถูกกฎหมาย) หากคุณมีประวัติค้างชำระ (สถานะ F) หรือมีหนี้เสียค้างอยู่ในระบบ การขอ “สินเชื่อส่วนบุคคล” หรือ “บัตรกดเงินสด” แทบจะเป็นไปไม่ได้ ส่วน “สินเชื่อรถแลกเงิน” บางแห่งอาจมีเงื่อนไขผ่อนปรนบ้างหากปิดหนี้นั้นไปแล้ว หรือมีผู้กู้ร่วม แต่โดยรวมก็ยังถือว่ายากมากครับ
Q2: ไม่มีสลิปเงินเดือน (ค้าขาย/ฟรีแลนซ์) กู้ 1 แสนบาทได้ไหม?
A: “ได้ครับ” แต่ต้องเตรียมเอกสารหนักแน่นกว่าพนักงานประจำ
- สินเชื่อส่วนบุคคล: ต้องใช้รายการเดินบัญชี (Statement) 6-12 เดือน, ทะเบียนการค้า (ถ้ามี), และเอกสารการเสียภาษี (ภ.ง.ด. หรือ 50 ทวิ)
- สินเชื่อรถแลกเงิน: เป็นทางเลือกที่ “ง่ายกว่า” สำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ เพราะไฟแนนซ์จะเน้นการประเมินมูลค่ารถเป็นหลัก และดู Statement ประกอบครับ
Q3: กู้ 1 แสน จำเป็นต้องมีคนค้ำประกันไหม?
A: ส่วนใหญ่ “ไม่จำเป็น” ครับ
- สินเชื่อส่วนบุคคล: หากเงินเดือนคุณผ่านเกณฑ์ (เช่น 20,000 บาทขึ้นไป) มักไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
- สินเชื่อรถแลกเงิน: ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน เพราะ “ตัวรถ” ทำหน้าที่เป็นหลักประกันอยู่แล้ว
เลือกสินเชื่อ 1 แสน ให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ
การขอสินเชื่อ 1 แสนบาทไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเลือกผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้อง
- มีรถ (ปลอดภาระ): ให้มอง “สินเชื่อรถแลกเงิน” เป็นอันดับแรก เพราะอนุมัติง่ายกว่า และดอกเบี้ยถูกกว่า
- มีสลิปเงินเดือน (รายได้มั่นคง, เครดิตดี): “สินเชื่อส่วนบุคคล” คือตัวเลือกที่ดีเพราะไม่ต้องใช้หลักประกัน
- ต้องการความไว (มีบัตรอยู่แล้ว): “บัตรกดเงินสด” ตอบโจทย์ แต่ต้องรีบใช้คืน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง เลือกกู้เท่าที่จำเป็น และเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ สถาบันการเงินก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่
0 Comments