คำว่า “3 เท่า” กลายเป็นคำโฆษณาที่คุ้นหู หลายคนเข้าใจว่าแค่มีเงินเดือนเท่าไหร่ ก็สามารถกู้ได้ 3 เท่าของเงินเดือนนั้นทันที แต่ในความเป็นจริง มันมีรายละเอียดและ “เงื่อนไข” ที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมดว่า “สินเชื่อ 3 เท่า” คืออะไรกันแน่? ใครบ้างที่มีสิทธิ์ได้วงเงิน 3 เท่าจริงๆ และกฎเกณฑ์ที่แท้จริงจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอย่างไร
สินเชื่อ 3 เท่าคืออะไร
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อเราพูดถึงสินเชื่อ 3 เท่า” เรากำลังหมายถึง “สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan)” หรือ “บัตรกดเงินสด (Cash Card)” เป็นหลัก
นี่คือ “สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน” (Unsecured Loan) หมายความว่า สถาบันการเงินอนุมัติเงินกู้ให้คุณ โดยพิจารณาจาก “รายได้” และ “ความน่าเชื่อถือ (เครดิตบูโร)” ของคุณล้วนๆ โดยที่คุณไม่ต้องนำสินทรัพย์ใดๆ เช่น บ้าน หรือ รถยนต์ มาค้ำประกัน
ด้วยความที่ธนาคารเป็นฝ่ายรับความเสี่ยงสูง หากคุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารจึงต้องจำกัดวงเงินอนุมัติ โดยอิงจาก “รายได้” ของคุณเป็นหลัก และ “3 เท่าของรายได้” ก็คือหนึ่งในเพดานวงเงินนั้นนั่นเอง
ความจริงจากธนาคารแห่งประเทศไทย: ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ “3 เท่า”
นี่คือข้อมูลสำคัญที่สุดที่หลายคนอาจไม่ทราบ! ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนด “เพดานวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน” ที่สถาบันการเงินทุกแห่งต้องปฏิบัติตาม โดยแบ่งตามฐานรายได้ ดังนี้:
- ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน:
- จะได้รับวงเงินอนุมัติสูงสุด ไม่เกิน 1.5 เท่า ของรายได้ต่อเดือน
- และสามารถมีสินเชื่อประเภทนี้รวมกันได้ ไม่เกิน 3 สถาบันการเงิน
- ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน:
- จะได้รับวงเงินอนุมัติสูงสุด ไม่เกิน 3 เท่า ของรายได้ต่อเดือน
- ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน:
- จะได้รับวงเงินอนุมัติสูงสุด ไม่เกิน 5 เท่า ของรายได้ต่อเดือน
สรุปให้เห็นภาพชัดๆ: คำว่า “สินเชื่อ 3 เท่า” นั้น สงวนสิทธิ์ไว้สำหรับผู้ที่มีฐานเงินเดือน 30,000 – 50,000 บาทเท่านั้น หากคุณมีรายได้ 20,000 บาท คุณจะกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้สูงสุดเพียง 1.5 เท่า หรือ 30,000 บาท (ต่อ 1 สถาบันการเงิน) ไม่ใช่ 3 เท่า (60,000 บาท) อย่างที่เข้าใจผิดกันครับ
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อวงเงินอนุมัติ (แม้คุณจะอยู่ในเกณฑ์ 3 เท่า)
สมมติว่าคุณมีเงินเดือน 35,000 บาท (อยู่ในเกณฑ์ 3 เท่า) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับอนุมัติวงเงินเต็ม 105,000 บาทเสมอไป สถาบันการเงินจะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย
- ภาระหนี้เดิม (Debt Service Ratio – DSR):
- นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด ธนาคารจะตรวจสอบว่าในแต่ละเดือน คุณมีภาระผ่อนหนี้อื่นๆ (เช่น ผ่อนบ้าน, ผ่อนรถ, บัตรเครดิต) รวมกันกี่บาท
- หากภาระหนี้เดิมของคุณสูงจนเกือบเต็มความสามารถในการผ่อน (เช่น เกิน 50-60% ของรายได้) ธนาคารอาจอนุมัติวงเงินให้คุณน้อยลง หรือไม่อนุมัติเลย เพื่อป้องกันคุณเป็นหนี้เกินตัว
- ประวัติเครดิตบูโร (Credit Bureau):
- หากคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี จ่ายตรงเวลาตลอด (เครดิตสกอริ่งสูง) ธนาคารจะมั่นใจและมีโอกาสอนุมัติวงเงินสูงสุดให้คุณ
- แต่หากประวัติไม่สวยนัก เช่น เคยจ่ายช้าบ้าง วงเงินที่ได้ก็อาจจะลดหลั่นลงมา
- อายุงานและความมั่นคงของอาชีพ:
- ผู้ที่มีอายุงานนาน ทำงานในบริษัทที่มั่นคง มีโอกาสได้วงเงินที่ดีกว่าผู้ที่เพิ่งเริ่มงาน หรือทำงานในอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง
ทางเลือกอื่น หากต้องการวงเงินสูงกว่า 3 เท่า (หรือไม่เข้าเกณฑ์)
หากคุณต้องการวงเงินที่สูงกว่า 1.5 เท่า หรือ 3 เท่าของรายได้ หรือคุณมีรายได้ไม่แน่นอน (เช่น อาชีพอิสระ) การขอสินเชื่อส่วนบุคคลอาจไม่ใช่คำตอบ
ทางเลือกที่ดีกว่าคือ “สินเชื่อแบบมีหลักประกัน” (Secured Loan)
- คืออะไร: คือการกู้ยืมโดยใช้ “สินทรัพย์” ของคุณมาค้ำประกัน เช่น บ้าน หรือ รถยนต์
- ตัวอย่างยอดนิยม: “สินเชื่อรถแลกเงิน” (จำนำทะเบียนรถ)
- ข้อดี:
- วงเงินอนุมัติไม่เกี่ยวกับฐานเงินเดือน: วงเงินจะถูกพิจารณาจาก “มูลค่าของรถยนต์” ที่คุณนำมาเป็นประกัน
- วงเงินสูงกว่า: หากคุณมีรถที่มูลค่าสูง คุณสามารถกู้ได้ 100,000, 200,000 หรือมากกว่านั้น แม้ว่าฐานเงินเดือนคุณจะอยู่ที่ 15,000 – 20,000 บาท
- อนุมัติง่ายกว่า: เพราะธนาคารมีความเสี่ยงต่ำกว่า (มีรถเป็นประกัน)
- อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า: สินเชื่อที่มีหลักประกัน มักจะมีดอกเบี้ยถูกกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับสินเชื่อ 3 เท่า
Q1: เงินเดือน 20,000 บาท ขอกู้สินเชื่อ 3 เท่า (60,000 บาท) ได้ไหม?
A: ไม่ได้ครับ ตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท จะขอสินเชื่อส่วนบุคคล (ไม่มีหลักประกัน) ได้สูงสุดเพียง 1.5 เท่าของรายได้ หรือประมาณ 30,000 บาท (ต่อ 1 สถาบันการเงิน) ครับ
Q2: “สินเชื่อ 3 เท่า” ใช้กับ “สินเชื่อรถแลกเงิน” หรือไม่?
A: ไม่ใช้ครับ การคำนวณวงเงิน “สินเชื่อรถแลกเงิน” จะขึ้นอยู่กับ “ราคาประเมินของตัวรถ” เป็นหลัก ไม่ได้อิงจาก 1.5, 3, หรือ 5 เท่าของรายได้ครับ รายได้จะถูกใช้เพื่อพิจารณา “ความสามารถในการผ่อน” เท่านั้น
Q3: ติดเครดิตบูโร (ติดแบล็กลิสต์) ขอกู้สินเชื่อ 3 เท่าได้ไหม?
A: ยากมากครับ “สินเชื่อ 3 เท่า” (สินเชื่อส่วนบุคคล) พึ่งพาประวัติเครดิตบูโร 100% หากมีประวัติค้างชำระ สถาบันการเงินในระบบแทบทั้งหมดจะไม่อนุมัติครับ
สินเชื่อ 3 เท่ามีจริง แต่มีเงื่อนไข
“สินเชื่อ 3 เท่า” เป็นคำที่ใช้ได้จริง แต่จำกัดเฉพาะกลุ่ม ผู้มีรายได้ 30,000 – 50,000 บาท และต้องไม่มีภาระหนี้เดิมสูงจนเกินไป
สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท คุณจะได้รับสิทธิ์สูงสุดที่ 1.5 เท่าของรายได้
ดังนั้น หากคุณต้องการวงเงินที่สูงกว่าเพดานที่ ธปท. กำหนดไว้ หรือต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า การมองหา “สินเชื่อแบบมีหลักประกัน” เช่น “สินเชื่อรถแลกเงิน” (หากคุณมีรถที่ปลอดภาระแล้ว) อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์และเป็นไปได้จริงมากกว่าครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่
0 Comments