การซื้อรถยนต์ใหม่หรือมือสองมักมาพร้อมกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ในเรื่องการเงิน สินเชื่อรถยนต์กลายเป็นตัวช่วยหลักสำหรับหลายคนที่ต้องการเป็นเจ้าของรถ การรู้วิธี คํานวณ สินเชื่อรถ อย่างละเอียดช่วยให้คุณวางแผนได้อย่างมั่นใจ และที่สำคัญช่วยป้องกันปัญหาเงินไม่พอใช้ในอนาคต
ทำความเข้าใจองค์ประกอบของสินเชื่อรถยนต์
ก่อนจะลงมือคำนวณ เราต้องเข้าใจคำศัพท์สำคัญที่เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์:
- ราคารถยนต์: ราคาที่ต้องชำระทั้งหมดตามที่ระบุจากโชว์รูมหรือเต็นท์รถยนต์ ซึ่งเป็นตัวเลขเริ่มต้นสำหรับการคำนวณ
- เงินดาวน์: เงินที่เราจ่ายล่วงหน้า โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 10-40% ของราคารถ
- ยอดจัดไฟแนนซ์: ส่วนที่เหลือหลังจากหักเงินดาวน์จากราคารถยนต์ ซึ่งจะเป็นยอดที่นำไปคำนวณดอกเบี้ย
- อัตราดอกเบี้ย: ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารหรือไฟแนนซ์เรียกเก็บ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี
- ระยะเวลาผ่อนชำระ: จำนวนเดือนหรือปีที่คุณต้องชำระคืนสินเชื่อ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 12-84 เดือน
วิธี คํานวณ สินเชื่อรถ อย่างละเอียด
ขั้นตอนพื้นฐาน
- ราคารถ – เงินดาวน์ = ยอดจัดไฟแนนซ์
- ยอดจัดไฟแนนซ์ x อัตราดอกเบี้ยรายปี = ดอกเบี้ยรายปี
- ดอกเบี้ยรายปี x จำนวนปีที่ผ่อน = ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่าย
- ยอดจัดไฟแนนซ์ + ดอกเบี้ยทั้งหมด = ยอดรวมที่ต้องจ่าย
- ยอดรวมที่ต้องจ่าย ÷ จำนวนเดือนที่ผ่อน = ค่างวดต่อเดือน
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติ:
- ราคารถ: 700,000 บาท
- เงินดาวน์: 20% ของราคารถ (140,000 บาท)
- อัตราดอกเบี้ย: 5% ต่อปี
- ระยะเวลาผ่อน: 5 ปี (60 เดือน)
วิธีคำนวณ:
- ยอดจัดไฟแนนซ์ = 700,000 – 140,000 = 560,000 บาท
- ดอกเบี้ยรายปี = 560,000 x 5% = 28,000 บาท
- ดอกเบี้ยทั้งหมด = 28,000 x 5 = 140,000 บาท
- ยอดรวมที่ต้องจ่าย = 560,000 + 140,000 = 700,000 บาท
- ค่างวดต่อเดือน = 700,000 ÷ 60 = 11,666 บาท
วิธี คํานวณ สินเชื่อรถ ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
สำหรับการ คํานวณ สินเชื่อรถ ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ยอดดอกเบี้ยจะคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือที่ลดลงทุกเดือน นั่นหมายความว่า ยิ่งคุณจ่ายเงินต้นได้เร็วเท่าไหร่ ยอดดอกเบี้ยทั้งหมดก็จะลดลง
ตัวอย่าง:
- ยอดเงินกู้: 500,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย: 5% ต่อปี
- ชำระเงินต้น: 10,000 บาทต่อเดือน
การคำนวณเดือนแรก:
- ดอกเบี้ยเดือนแรก = 500,000 x 5% ÷ 12 = 2,083 บาท
- เงินต้นที่ลดลง = 10,000 – 2,083 = 7,917 บาท
- เงินต้นคงเหลือ = 500,000 – 7,917 = 492,083 บาท
เดือนถัดไป:
- ดอกเบี้ยเดือนถัดไป = 492,083 x 5% ÷ 12 = 2,050 บาท
- เงินต้นที่ลดลง = 10,000 – 2,050 = 7,950 บาท
ดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อยๆ ตามยอดเงินต้นที่ลดลง
วิธีวางแผนผ่อนรถให้ไม่เครียด
เลือกเงินดาวน์ให้เหมาะสม
- การวางเงินดาวน์เยอะ (เช่น 30-40%) ช่วยลดภาระดอกเบี้ย และทำให้ยอดจัดไฟแนนซ์ต่ำลง
คำนวณภาระรายเดือน
- แนะนำว่าค่างวดรถควรอยู่ที่ 20-40% ของรายได้ เพื่อให้คุณยังมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เลือกระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสม
- หากผ่อนระยะสั้น เช่น 3-4 ปี คุณจะเสียดอกเบี้ยน้อยกว่า แต่ค่างวดรายเดือนจะสูงขึ้น
เช็กโปรโมชันจากไฟแนนซ์
- ไฟแนนซ์บางแห่งมีโปรโมชัน เช่น ดอกเบี้ยต่ำ หรือของแถมพิเศษ เช่น ประกันภัยชั้น 1
แอปพลิเคชันและเครื่องมือช่วย คํานวณ สินเชื่อรถ
ไม่ต้องนั่งคิดเองให้ยุ่งยาก เพราะปัจจุบันมีเครื่องมือ คํานวณ สินเชื่อรถ ที่ใช้ง่ายและสะดวก เช่น:
- เว็บไซต์ธนาคาร: เช่น ธนาคารกรุงไทย, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์ ฯลฯ
- แอปพลิเคชันไฟแนนซ์: ช่วยคำนวณค่างวดแบบรวดเร็ว
- เครื่องคำนวณออนไลน์: เพียงกรอกยอดจัดไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อน
ข้อควรระวังในการกู้สินเชื่อรถยนต์
อย่ากู้เกินกำลัง
- ตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายก่อนกู้ ว่าคุณสามารถรับผิดชอบค่างวดไหวหรือไม่
ค่าธรรมเนียมแอบแฝง
- ไฟแนนซ์บางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียม เช่น ค่าปิดบัญชีก่อนกำหนด หรือค่าดำเนินการ
ดอกเบี้ยแท้จริง
- ทำความเข้าใจระหว่างดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate)
สินเชื่อรถยนต์ที่น่าสนใจ
ธนาคารกสิกรไทย
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ต่อปี
- ผ่อนสูงสุด 84 เดือน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- โปรโมชั่นพิเศษดอกเบี้ยต่ำ
- บริการสมัครสินเชื่อออนไลน์
ธนาคารทิสโก้
- มีบริการรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยต่ำ
- ผ่อนยืดหยุ่นตามความต้องการ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนเซ็นสัญญาสินเชื่อรถยนต์
การกู้สินเชื่อรถยนต์ไม่ได้จบแค่คำนวณตัวเลขและเลือกไฟแนนซ์เท่านั้น แต่การเซ็นสัญญาก็เป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ต้องระวังให้มาก มาดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่คุณควรรู้ก่อนเซ็นเอกสาร
อ่านสัญญาให้ครบถ้วน
แม้จะเป็นเรื่องที่ดูง่าย แต่หลายคนมักละเลยการอ่านเอกสารอย่างละเอียด โดยเฉพาะสัญญาเช่าซื้อที่มีหลายหน้า อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียด เช่น:
- อัตราดอกเบี้ยที่ตกลง
- จำนวนงวดที่ต้องผ่อน
- ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าโอนรถหรือค่าดำเนินการ
การละเลยรายละเอียดเล็กๆ อาจทำให้คุณเสียเงินในส่วนที่ไม่ควรเสียได้
ระวังค่าปรับและข้อกำหนดพิเศษ
ในสัญญาสินเชื่อรถยนต์ มักมีข้อกำหนดพิเศษที่คุณอาจไม่ทันสังเกต เช่น:
- ค่าปรับกรณีล่าช้า: หากคุณชำระล่าช้าแม้เพียง 1 วัน อาจมีค่าปรับสะสม
- ค่าปิดบัญชีก่อนกำหนด: หากคุณต้องการปิดยอดสินเชื่อก่อนครบกำหนด เช่น 3 ปี แต่คุณจ่ายหมดใน 2 ปี ไฟแนนซ์อาจเรียกเก็บค่าปรับ
ดังนั้น ต้องถามเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนและระบุเงื่อนไขในสัญญา
ประกันภัยที่มาพร้อมสินเชื่อ
สินเชื่อรถยนต์มักมาพร้อมข้อเสนอประกันภัยชั้น 1 แต่คุณควรสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน เช่น:
- ประกันครอบคลุมอะไรบ้าง
- ระยะเวลาคุ้มครองเป็นกี่ปี (ปกติปีแรกจะฟรี ปีถัดไปคุณต้องจ่ายเอง)
- หากต้องการเปลี่ยนบริษัทประกันในปีถัดไป จะสามารถทำได้หรือไม่
สินเชื่อรีไฟแนนซ์
หลังจากเซ็นสัญญาไปแล้ว หลายคนอาจเจอข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำจากไฟแนนซ์หรือธนาคารอื่น หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์ (Refinance) เพื่อลดดอกเบี้ยในอนาคต ควรถามเงื่อนไขไว้ล่วงหน้า เช่น:
- จะสามารถรีไฟแนนซ์ได้หลังจากผ่อนไปกี่งวด
- มีค่าธรรมเนียมในการย้ายสินเชื่อหรือไม่
การรู้ข้อมูลล่วงหน้าจะช่วยให้คุณวางแผนได้ดียิ่งขึ้น
เปรียบเทียบหลายไฟแนนซ์ก่อนตัดสินใจ
อย่ารีบตัดสินใจทันทีที่ได้รับข้อเสนอแรกจากโชว์รูมหรือเต็นท์รถยนต์ ลองเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายที่ เช่น ธนาคารพาณิชย์และบริษัทไฟแนนซ์อิสระ โดยเน้น:
- อัตราดอกเบี้ย
- จำนวนงวดที่ผ่อนได้
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
โชว์รูมอาจเสนอไฟแนนซ์ที่ดูน่าสนใจ แต่บางครั้งธนาคารอาจมีข้อเสนอที่ดีกว่า
สรุป
คํานวณ สินเชื่อรถ อาจดูซับซ้อนในครั้งแรก แต่ถ้าคุณเข้าใจองค์ประกอบต่างๆ และวางแผนอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมเลือกข้อเสนอสินเชื่อที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณ เพื่อให้การเป็นเจ้าของรถยนต์คันใหม่ไม่เป็นภาระหนักเกินไปในระยะยาว
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่
0 Comments