ถ้าคุณกำลังทำโฆษณาสินเชื่อและกำลังลังเลว่า “ยิงแอด Meta หรือ Google ดีกว่ากัน?” บทความนี้มีคำตอบ! เพราะทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน และหากใช้ได้ถูกวิธี ธุรกิจสินเชื่อของคุณก็จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะมา เปรียบเทียบ Meta Ads กับ Google Ads ว่าที่ไหนเหมาะกับ โฆษณา สินเชื่อ และควรเลือกใช้กลยุทธ์แบบใดให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด! 🚀
Meta Ads กับ Google Ads ต่างกันยังไง?
ก่อนจะเลือกว่าแพลตฟอร์มไหนเวิร์กกว่า เรามาทำความเข้าใจ ความแตกต่างของ Meta Ads และ Google Ads กันก่อน
ปัจจัย | Meta Ads (Facebook, Instagram) | Google Ads (Search, Display, YouTube) |
เป้าหมายโฆษณา | ดึงดูดความสนใจ ผ่านภาพและวิดีโอ | ตอบโจทย์ความต้องการ ผ่านการค้นหา |
การเข้าถึง | คนที่กำลังเล่นโซเชียล | คนที่กำลังค้นหาข้อมูล |
ประเภทลูกค้า | Top-Funnel คนที่ยังไม่ได้คิดกู้สินเชื่อทันที | Bottom-Funnel คนที่ต้องการสินเชื่อแล้ว |
ค่าโฆษณา | ถูกกว่าต่อ CPM | ค่อนข้างสูงแต่ Conversion ดี |
รูปแบบโฆษณา | รูปภาพ วิดีโอ ข้อความ โพสต์ Carousel | ข้อความ บน Google Search, รูปภาพบน Display, วิดีโอบน YouTube |
💡 สรุปง่ายๆ
- Meta Ads เหมาะสำหรับ สร้างการรับรู้ และทำให้คนสนใจสินเชื่อของคุณ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้กำลังมองหาสินเชื่อก็ตาม
- Google Ads เหมาะสำหรับ เจาะกลุ่มที่ต้องการสินเชื่อ แล้วและกำลังค้นหาอยู่บน Google
Meta Ads: ยิงแอดสินเชื่อแบบไหนให้ได้ผล?
Meta Ads ครอบคลุม Facebook และ Instagram ซึ่งเหมาะกับการดึงดูดคนให้มารู้จักบริการสินเชื่อของคุณก่อน
1. ประเภทของ โฆษณา สินเชื่อ บน Meta Ads
📌 Image Ads – โพสต์ภาพเดี่ยว พร้อมข้อความกระชับ เช่น “สินเชื่อเงินสด อนุมัติไว ดอกเบี้ยต่ำ”
📌 Carousel Ads – แสดงภาพสินเชื่อหลายประเภท เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อส่วนบุคคล
📌 Video Ads – คลิปรีวิวจากลูกค้า หรืออธิบายข้อดีของสินเชื่อ
📌 Lead Ads – แบบฟอร์มให้คนลงทะเบียนขอข้อมูลสินเชื่อ โดยไม่ต้องออกจาก Facebook
2. วิธีตั้งค่า โฆษณา สินเชื่อ ให้ได้ผลบน Meta Ads
✅ เลือกกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ
- กลุ่มอายุ 25-45 ปี ที่สนใจเรื่องการเงิน
- คนที่เพิ่งแต่งงาน (อาจสนใจสินเชื่อบ้าน)
- คนที่ใช้รถยนต์ (อาจสนใจสินเชื่อรถ)
✅ ใช้ข้อความที่กระตุ้นการตัดสินใจ (CTA)
- “ขอสินเชื่อวันนี้ อนุมัติภายใน 24 ชม.”
- “เช็กวงเงินอนุมัติ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย”
- “ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบาย เริ่มต้นแค่ 1,500 บาท/เดือน”
✅ Retargeting ลูกค้าที่เคยสนใจ
ยิงแอดซ้ำไปยังคนที่เคยคลิกโฆษณาสินเชื่อของคุณแล้ว แต่ยังไม่ได้สมัคร
Google Ads: ทำโฆษณาสินเชื่อให้ติดหน้าแรก Google
Google Ads เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจสินเชื่อของคุณปรากฏในอันดับต้นๆ ของการค้นหา
1. ประเภทของ โฆษณา สินเชื่อ บน Google Ads
🔍 Search Ads – โฆษณาที่ปรากฏบนผลการค้นหา เช่น “สินเชื่อส่วนบุคคล ดอกเบี้ยต่ำ”
📢 Display Ads – แบนเนอร์โฆษณาที่ขึ้นในเว็บไซต์ต่างๆ
📺 YouTube Ads – วิดีโอโฆษณาที่แสดงก่อนคลิป YouTube
2. วิธีตั้งค่า โฆษณา สินเชื่อ ให้ได้ผลบน Google Ads
✅ เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
- คีย์เวิร์ดแบบเจาะจง: “สินเชื่อรถมือสอง ไม่ต้องโอนเล่ม”
- คีย์เวิร์ดแบบกว้าง: “สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ”
✅ เขียนโฆษณาให้ดึงดูดใจ
- “สินเชื่ออนุมัติไว ผ่อนสบายนาน 72 เดือน”
- “ต้องการเงินด่วน? สมัครง่าย อนุมัติเร็ว”
✅ ปรับ Landing Page ให้ใช้งานง่าย
- มีปุ่ม “สมัครเลย” ที่ชัดเจน
- อธิบายเงื่อนไขให้กระชับ เข้าใจง่าย
Meta Ads vs Google Ads: ที่ไหนเหมาะกับ โฆษณา สินเชื่อ
ประเภทสินเชื่อ | Meta Ads เหมาะกับ? | Google Ads เหมาะกับ? |
สินเชื่อบุคคล | ✅ Awareness | ✅ คนที่ค้นหาสินเชื่อจริงจัง |
สินเชื่อบ้าน | ✅ Retargeting | ✅ คนที่กำลังหาข้อมูลสินเชื่อบ้าน |
สินเชื่อรถยนต์ | ✅ โฆษณาวิดีโอ | ✅ โฆษณาแบบค้นหา |
สินเชื่อธุรกิจ | ✅ โฆษณาคอนเทนต์ | ✅ คนที่ค้นหาเงินทุนธุรกิจ |
💡 เคล็ดลับการใช้งานร่วมกันให้เวิร์ก!
จริงๆ แล้ว Meta Ads และ Google Ads ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ธุรกิจสินเชื่อที่ประสบความสำเร็จ ใช้ทั้งสองแพลตฟอร์มควบคู่กัน เช่น
🚀 ใช้ Meta Ads เพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) ดึงดูดคนให้รู้จักสินเชื่อของคุณ
🔍 ใช้ Google Ads เพื่อเจาะกลุ่มคนที่กำลังหาสินเชื่อจริงๆ และพร้อมสมัคร
สรุป: Meta Ads หรือ Google Ads ที่ไหนเวิร์กกว่ากัน?
ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ! 🎯
✅ ถ้าคุณต้องการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) → Meta Ads
- ดึงดูดกลุ่มคนที่อาจยังไม่สนใจสินเชื่อ
- สร้างความน่าเชื่อถือผ่านวิดีโอ โพสต์ บทความ
✅ ถ้าคุณต้องการเจาะกลุ่มที่พร้อมขอกู้ทันที → Google Ads
- โฆษณาตรงกลุ่มที่กำลังค้นหาสินเชื่อ
- มีโอกาสปิดยอดขายได้สูงกว่า
💡 แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ทั้งสองช่องทางร่วมกัน
เช่น ใช้ Meta Ads เพื่อสร้างความสนใจ และ Retargeting ไปยังกลุ่มที่มีแนวโน้มสูง
จากนั้นใช้ Google Ads เพื่อเจาะกลุ่มที่กำลังหาสินเชื่อ และปิดการขาย
👉 สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับงบประมาณและกลยุทธ์ของคุณ ถ้าต้องการเจาะลูกค้าให้ได้ผลดีที่สุด ลองนำแนวทางที่แนะนำไปปรับใช้กันดูนะครับ! 🚀
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่
0 Comments