ในยุคที่ผู้คนเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเงิน สภาพคล่องกลายเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น ๆ ของชีวิต แต่การขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินแบบเดิม ๆ มักมีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องใช้เอกสารมากมาย และต้องใช้เวลาในการอนุมัติ ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนที่ต้องการเงินด่วน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า “รถยนต์” ที่คุณใช้อยู่ทุกวันนั้น สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้โดยที่ไม่ต้องขายหรือเปลี่ยนเจ้าของ? นั่นคือแนวคิดหลักของ “สินเชื่อรถช่วยได้” หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกแง่มุมเกี่ยวกับสินเชื่อรถช่วยได้ ตั้งแต่วิธีการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย เงื่อนไขการสมัคร ไปจนถึงเคล็ดลับในการเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ

สินเชื่อรถช่วยได้ คืออะไร?

“สินเชื่อรถช่วยได้” คือสินเชื่อที่ใช้รถยนต์ของผู้กู้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยที่รถยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้หรือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ให้กู้ จุดเด่นของสินเชื่อประเภทนี้คือการอนุมัติที่รวดเร็ว ใช้เอกสารน้อย และได้วงเงินสูงตามราคาประเมินของรถ

โดยทั่วไป ผู้ให้บริการสินเชื่อจะพิจารณาจากอายุของรถ รุ่น ยี่ห้อ สภาพโดยรวม และประวัติทางการเงินของผู้กู้ เพื่อกำหนดวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม ซึ่งมักอยู่ที่ประมาณ 50% – 80% ของราคารถในตลาด

ประเภทของสินเชื่อรถช่วยได้

สินเชื่อรถช่วยได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:

1. สินเชื่อแบบโอนเล่มทะเบียน

ผู้ขอกู้จะต้องโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับผู้ให้กู้ชั่วคราว โดยที่ยังสามารถใช้งานรถได้ปกติ เมื่อชำระหนี้ครบตามสัญญา ผู้ให้กู้จะโอนกรรมสิทธิ์คืน

ข้อดี:

  • ได้วงเงินสูงกว่าสินเชื่อแบบไม่โอนเล่ม
  • ดอกเบี้ยต่ำกว่า

ข้อควรระวัง:

  • หากผิดนัดชำระ อาจสูญเสียกรรมสิทธิ์รถถาวร

2. สินเชื่อแบบไม่โอนเล่มทะเบียน (จำนำทะเบียน)

ผู้ขอกู้ยังคงถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ไว้เหมือนเดิม ไม่ต้องโอนชื่อในเล่มทะเบียน เพียงแต่จะต้องนำเล่มทะเบียนตัวจริงมาเป็นหลักฐานประกอบการขอกู้เท่านั้น

ข้อดี:

  • รถยังเป็นชื่อเรา
  • ไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ยุ่งยาก

ข้อควรระวัง:

  • วงเงินอาจน้อยกว่าการโอนเล่ม
  • ดอกเบี้ยอาจสูงกว่าเล็กน้อย

ข้อดีของสินเชื่อรถช่วยได้

  • อนุมัติง่าย: ผู้มีรายได้ประจำหรือประกอบอาชีพอิสระก็สามารถขอกู้ได้
  • ได้เงินไว: บางแห่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รับเงินแล้ว
  • ไม่ต้องขายรถ: ยังสามารถใช้งานรถได้ปกติ
  • ไม่ต้องมีคนค้ำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน
  • ใช้เอกสารน้อย: เอกสารพื้นฐานเพียงบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเล่มทะเบียนรถ

เงื่อนไขทั่วไปในการสมัคร

แม้สินเชื่อรถช่วยได้จะมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แต่ผู้กู้ยังต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานบางอย่าง เช่น:

  • อายุ 20 ปีขึ้นไป
  • เป็นเจ้าของรถยนต์ที่ไม่มีภาระหนี้สินอื่น ๆ กับรถคันนั้น
  • มีรายได้เพียงพอในการผ่อนชำระรายเดือน
  • รถยนต์ต้องมีอายุไม่เกินที่ผู้ให้กู้กำหนด (เช่น ไม่เกิน 15 ปี)

ดอกเบี้ยของสินเชื่อรถช่วยได้

อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อประเภทนี้จะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการและประเภทของสินเชื่อ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 0.59% – 1.25% ต่อเดือน หรือเทียบเท่า 7% – 15% ต่อปี

ปัจจัยที่ส่งผลต่อดอกเบี้ย:

  • อายุรถและสภาพรถ
  • ประวัติทางการเงินของผู้กู้
  • ประเภทของสินเชื่อ (โอนเล่ม/ไม่โอนเล่ม)
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ

คำถามที่พบบ่อย

Q: ต้องมีงานประจำไหมถึงจะสมัครได้? A: ไม่จำเป็น อาชีพอิสระก็สมัครได้ หากสามารถแสดงรายได้อย่างสม่ำเสมอ

Q: รถที่ยังผ่อนไม่หมดสมัครได้ไหม? A: บางแห่งสามารถรีไฟแนนซ์ได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้เดิม

Q: หากผิดนัดชำระจะเกิดอะไรขึ้น? A: ผู้ให้บริการอาจยึดรถเพื่อนำไปขายทอดตลาดตามเงื่อนไขสัญญา

เคล็ดลับก่อนขอสินเชื่อรถช่วยได้

  1. เปรียบเทียบหลายเจ้า: อย่าด่วนตัดสินใจ เลือกจากผู้ให้บริการหลายรายเพื่อดูอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข
  2. อ่านสัญญาให้ครบ: ตรวจสอบค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าปรับล่าช้า ค่าประเมินรถ ฯลฯ
  3. เตรียมเอกสารให้ครบ: เพื่อการอนุมัติที่รวดเร็ว
  4. เลือกงวดที่เหมาะสม: อย่าเลือกค่างวดที่สูงเกินไป ควรให้เหมาะสมกับรายได้รายเดือน

ผู้ให้บริการสินเชื่อรถช่วยได้ยอดนิยมในประเทศไทย

  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB): มีบริการสินเชื่อรถยนต์ครบวงจร
  • ธนาคารกสิกรไทย (KBank): เน้นวงเงินสูง ดอกเบี้ยแข่งขันได้
  • เมืองไทยแคปปิตอล: จุดเด่นคืออนุมัติไว ไม่เช็คเครดิตบูโร
  • ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ: ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนได้นาน
  • กรุงศรี ออโต้: เชื่อถือได้ มีโปรโมชั่นหลากหลาย

ข้อควรระวัง

  • ระวังผู้ให้กู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท.
  • อย่าลงนามในเอกสารใด ๆ โดยไม่เข้าใจเนื้อหา
  • หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

เปรียบเทียบ “สินเชื่อรถช่วยได้” กับ “สินเชื่อบุคคล” แบบเจาะลึก: แบบไหนเหมาะกับคุณ?

หลายคนอาจลังเลระหว่างการขอ สินเชื่อรถช่วยได้ (ใช้รถแลกเงิน) กับ สินเชื่อบุคคล แบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะทั้งสองทางเลือกต่างก็มอบเงินก้อนให้คุณสามารถนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ได้ แต่ก็มีข้อแตกต่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

1. หลักประกัน

ประเภทสินเชื่อ ต้องใช้หลักประกันหรือไม่?
สินเชื่อรถช่วยได้ ✅ ใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
สินเชื่อบุคคล ❌ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สรุป: หากคุณมีรถเป็นของตัวเองที่ปลอดภาระ (หรือใกล้หมดภาระ) การใช้รถเป็นหลักทรัพย์สามารถช่วยให้คุณกู้ได้วงเงินสูงขึ้น และดอกเบี้ยต่ำกว่า

2. วงเงินสินเชื่อ

ประเภทสินเชื่อ วงเงินสูงสุดที่กู้ได้
สินเชื่อรถช่วยได้ สูงสุดประมาณ 70%-120% ของราคารถประเมิน
สินเชื่อบุคคล ปกติไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน

สรุป: หากคุณมีรถที่มีมูลค่าสูง จะได้วงเงินที่มากกว่าการขอสินเชื่อบุคคลที่อิงจากรายได้เป็นหลัก

3. อัตราดอกเบี้ย

ประเภทสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย (โดยประมาณ)
สินเชื่อ รถช่วยได้ เริ่มต้นที่ 0.49% – 1.5% ต่อเดือน (ลดต้นลดดอก)
สินเชื่อบุคคล ประมาณ 1.25% – 2.5% ต่อเดือน (ดอกเบี้ยคงที่หรือลดต้นลดดอก)

สรุป: สินเชื่อรถช่วยได้มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า เพราะมีทรัพย์สินค้ำประกัน ทำให้ความเสี่ยงของผู้ให้กู้ต่ำกว่า

4. ระยะเวลาผ่อนชำระ

ประเภทสินเชื่อ ระยะเวลาผ่อนสูงสุด
สินเชื่อ รถช่วยได้ สูงสุด 72 เดือน (6 ปี)
สินเชื่อบุคคล สูงสุด 60 เดือน (5 ปี)

สรุป: การใช้รถเป็นหลักประกันทำให้สามารถยืดระยะเวลาผ่อนได้นานขึ้น ส่งผลให้ค่างวดต่อเดือนต่ำลง

5. ความเร็วในการอนุมัติ

ประเภทสินเชื่อ ระยะเวลาการอนุมัติ
สินเชื่อ รถช่วยได้ ภายใน 1-3 วันทำการ
สินเชื่อบุคคล ภายใน 1-5 วันทำการ

สรุป: ทั้งสองแบบใช้เวลาไม่นาน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่สามารถยื่นผ่านแอปหรือเว็บไซต์ได้เลย

6. ความเสี่ยงหากไม่สามารถชำระได้

ประเภทสินเชื่อ ผลกระทบหากผิดนัดชำระ
สินเชื่อ รถช่วยได้ อาจถูกยึดรถตามกฎหมาย
สินเชื่อบุคคล ไม่มีการยึดทรัพย์ทันที แต่เครดิตเสีย และถูกฟ้องร้องได้

สรุป: สินเชื่อรถช่วยได้มีความเสี่ยงในด้านทรัพย์สิน (รถ) หากไม่ชำระ แต่ก็สามารถตกลงกันก่อนการยึดได้ในหลายกรณี

เลือกสินเชื่อแบบไหนดี?

เลือก “สินเชื่อรถช่วยได้” ถ้า:

  • คุณมีรถเป็นของตัวเองที่ปลอดภาระ หรือใกล้หมดไฟแนนซ์

  • ต้องการวงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ

  • ต้องการผ่อนนาน ค่างวดต่ำ

  • ไม่กังวลเรื่องการใช้รถเป็นหลักประกัน

เลือก “สินเชื่อบุคคล” ถ้า:

  • ไม่มีทรัพย์สินที่สามารถนำมาค้ำประกันได้

  • ต้องการเงินด่วน โดยไม่ต้องใช้รถจำนำ

  • รับเงินเดือนประจำ และมีเครดิตดี

  • ไม่สะดวกให้ใครเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน

เคล็ดลับ! ขอสินเชื่ออย่างไรให้ผ่านง่าย

  • ตรวจเครดิตบูโรล่วงหน้า: หลีกเลี่ยงประวัติค้างชำระ

  • เตรียมเอกสารให้ครบ เช่น สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชี

  • ถ้ามีรายได้เสริม ควรแสดงให้เห็นชัดเจน

  • อย่าเปิดหลายบัญชีสินเชื่อในเวลาใกล้เคียงกัน

สรุป

“สินเชื่อรถช่วยได้” เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน โดยไม่ต้องขายรถของตัวเอง เพียงแค่ใช้รถเป็นหลักประกัน ก็สามารถขอสินเชื่อได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และยืดหยุ่น

อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อ ควรพิจารณาให้รอบด้าน ศึกษาเงื่อนไขให้ชัดเจน เปรียบเทียบหลายเจ้า และเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากรถของคุณให้มากที่สุด โดยไม่เป็นภาระทางการเงินในอนาคต

ท้ายที่สุดแล้ว สินเชื่อรถช่วยได้ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่สำหรับคนที่มีรถยนต์และต้องการเสริมสภาพคล่องทางการเงินในเวลาสั้น ๆ นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในยุคที่เงินสดมีค่ามากกว่าทอง!

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ข้อมูลเว็บสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารแห่งประเทศไทย

Categories: blog

0 Comments

Leave a Reply

Avatar placeholder

Your email address will not be published. Required fields are marked *